วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อย่าดูถูกตัวเอง !

คุณเคยได้ยินคำนี้ไหมค่ะ. "ไม่ลองไม่รู้ ไม่ดูไม่เห็น ไม่ทำไม่เป็น" ถ้ากลับไปอ่านหัวข้อเก่าที่เคยแบ่งบัน มักจะเน้นในเรื่องของความชอบและความสนใจ มันเป็นสิ่งแน่นอนอยู่แล้ว เพราะการได้ทำในสิ่งที่ เราชอบมักจะทำด้วยใจรัก ทำให้งานของเรานั้นมีชีวิต ดิฉันเคยถามเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นวินประจำของดิชั้นเอง และดิฉันถามเขาไปว่า "เธอชอบอะไร เธอมีความใฝ่ฝันไหม อยากจะทำอะไรในชีวิต หรืออยากจะเป็นอะไร" แต่คำตอบที่ได้คือไม่รู้เหมือนกัน เเล้วเขาก็มักจะชอบพูดให้ดิชั้นได้ยินบ่อยๆ ว่า "เราไม่เก่งอะไรเลย คือเราไม่ฉลาดอะ เรารู้ศักยภาพของเราว่าเราไปได้แค่ไหน"

แต่ดิฉันเชื่อนะว่าทุกคน อยากจะครอบครองบางสิ่งบางอย่างในโลกนี้  พูดง่ายๆคือ อยากมีอะไรเป็นของเอง เช่น ธุระกิจ. การงาน ครอบครัว บ้าน รถ ทุกคนอยากที่จะมีสิ่งเหล่านี้ ที่ทำมาจากน้ำมือของเรา แต่หลายคนก็จับต้นชนปลายไม่ถูก อาจจะคิดว่าตนเองเรียนมาน้อย ชีวิตก็อยู่แต่กับสิ่งเดิมๆ เคยจับสิ่งไหนก็จับอยู่แค่นั่น มันเป็นการตีกรอบให้กับศักยภาพและความสามารถตัวเองทั้งๆที่ความสามารถของเราที่มีอยู่รอบด้าน สามารถนำมาผนวกเข้าหากันได้ เหมือนก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม คุณจะทำให้อร่อยได้คุณต้องปรุงด้วย น้ำตาล น้ำปลา น้ำส้มสายซู พริก เพื่อให้ได้รสชาติให้แบบของคุณ

ทำอย่างไรในเมื่อไม่รู้ว่าตนเองนั้นถนัดด้านไหน 

1. สิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ คุณเห็นอะไรบ้าง รถยนต์ บ้าน ป่าไม้ ต้นไม้ หน้งสือ สมุด ปากกา เสื้อผ้า อาหาร เครื่องดนตรี ขวดน้ำ โต๊ะ เก้าอี ฯลฯ ค

2. คุณทำอะไรบ้าง. เขียนนิยาย แต่งเพลง เล่นกีฬา สอน เขียนบทความ ขายของ มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ถ่ายรูป ปลุกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ บลาๆๆ

3  ผนวกหรือผสมผสานเข้าด้วยกัน. ทั้งข้อ1และ2 คุณสนใจด้านใหน หรือพอมีความรู้ด้านไหน เอามันผสมผสานกันให้ลงตัว เพื่อให้ได้ชิ้นงาน แต่ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจเลยจากข้อหนึ่งและสอง คุณทำอะไรได้บ้าง เป็นไปไม่ได้ถ้าจะบอกว่า..ไม่เป็นอะไรสักอย่าง อย่างน้อยๆชอบออกกำลังกาย ชอบกิน ชอบเที่ยว  ทำอาหาร ทำขนม นำไปขายของได้ไหม ก็เข้าสู่ระบบการค้าขาย , คนชอบป่าไม้ ชอบธรรมชาติ ชอบดนตรี แต่งเพลง คุณสามารถแต่งเพลงแบบชิวๆได้ไหมอะ

 ถ้าไม่รู้จริงๆว่าตนเองจะทำอะไรดี หรือเหมาะกับสิ่งไหน  เพราะมันเริ่มจากการไม่ชอบอะไรหรือไม่สนใจอะไรเลย และไม่ได้ลงมือทำ วันนี้คุณต้องลองทำ ลงมือ ! ไม่ชอบก็ต้องทำ เราต้องดูก่อนเราถนัดด้านไหน หรือพอมีความรู้อยู่บ้าง เพื่อต่อยอด หรืออะไรที่พอทำได้ ทำไปเถอะค่ะ เพราะสิ่งที่คุณไม่เคยทำเมื่อคุณได้ลองทำ คุณอาจจะสนุกกับการที่ได้อยู่กับสิ่งนั่น

แล้วอะไรคือสิ่งที่บดบังศักภาพของคุณ

1. ความคิดลบ แน่นอนหลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้จาก นักสร้างแรงบันดาลใจ หรือ นักพูดชื่อดังหลายคนที่สอนให้เรามีความคิดบวก แล้วทำไมดิฉันต้องมาย้ำกันอีก ว่าคิดบวกนะเพราะมนุษย์ขี้ลืมค่ะ เรามักมองสถานการณ์รอบด้านที่มัน แล้วทำให้เราคล้อยตามในสถานการณ์นั้นๆ จริงหรือไม่ เช่น วันนี่ขายของไม่ดีเลย อาทิตย์หน้าค่าเทอมลูก ทำไมต้องเจออะไรแบบนี่ แย่แน่ๆ ตายแน่...จริงๆเราควรจะหาวิธีไหนให้มันขายดีขึ้น  เปลี่ยนสูตรไหม เราทำได้นิไม่ยากหรอก วางแผนขาย จะทำอย่างไร อะไรบ้างที่จะเข้ามาส่งเสริมการขาย อุปสรรคทุกอย่างมี แต่เราต้องมองข้าม เมื่อเรามองข้าม เราก็จะก้าวข้ามผ่านปัญหานั้นไปได้

2. พูดบวก การคิดลบจากข้องที่หนึ่ง ก็จะส่งผลให้เรานั้นพูดลบ แล้วการพูดลบนี้แหละคือการกำหนดชีวิตของเรา เพราะความเป็นความตายอยู่อำนาจของลิ้น ชีวิตจะสูงขึ้นหรือต่ำลงก็อยู่ที่วาจาของเรา คำพูดเรามีพลัง จงให้คำพูดของเรายกชีวิตให้สูงขึ้นไม่ใช่ต่ำลง ฉะนั้นอย่าดูถูกตัวเอง

3. การกระทำ เมื่อเราคิดบวก พูดบวก มันจะส่งผลที่การกระทำ เกิดความมั่นใจ ทำอย่างมีพลัง ทำอย่างสร้างสรรค์ ทำอย่างผู้มีปัญญา คุณจะเห็นสิ่งดีๆเกิดขึ้นมากมาย

อย่าให้ความคิด คำพูด การกระทำการกระทำด้านลบ  หยุดสิ่งที่มีในตัวเรา

ขออนุญาติใช้แทนตัวเองว่าแนนดีกว่า ปกติแนนเป็นคนพิการ ตอนคนหนึ่ง เด็กๆเคยดูวงเวียนชีวิต เห็นเขาพากันออกทีวีร้องไห้ ซึ่งชีวิตเขาอาจจะลำบากกว่าเราก็ได้ รู้โสึกว่าตนเองโชคดีค่ะว่า เรายังมีพ่อแม่พี่น้องของเราที่ไม่ทอดทิ้งเรา เราโชคดีมีโอกาสได้เรียนหนังสือ จนจบคอมพิวเตอร์กราฟฟิก เป็นคนๆหนึ่งที่แม้จะมาทางด้านคอมพิวเตอร์กราฟิค ก็ตาม แต่จริงๆแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่ตนเองรักและอยากจะเป็น แนนอยากเป็นอะไร คำตอบของแนนคือ อยากเป็นนักร้อง เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก เริ่มเรียนมัธยมตอนนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่าเราชอบร้องเพลงนะ รู้แค่เพียงเป็นกิจกรรมภายในบ้านที่ทำแล้ว มีความสุขที่สุด ไม่ว่าจะร้องเพลงในห้องน้ำ ร้องคาราโอเกะในบ้าน แต่ด้วยความที่่เราเดินไม่ได้ มันก็มีขีดจำกัด ถามว่าทำไมไม่ไปเรียนร้องเพลงละ คือด้วยความเป็นเด็ก เราไม่รู้หรอกว่าจะโฟกัสเรื่องอะไร จะไปทางไหนดี ต้องเลือกสิงที่เลี้ยงตัวเองได้ไว้ก่อน ตอนนั้นจบ ม. 3 พอดีจะของทุนทำกิจการ เปิดร้านขายของที่บ้านกับยาย ไปคุยกับทางอำเภอ เขาเห็นว่าเราอายุยังน้อย เลยถามว่าจะเรียนอะไร วันนั้นก็คิดอะไรไม่ออกก็ตอบคอมพิวเตอร์ เพราะเคยพิมพ์งานช่วยอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียน เลยคิดแค่ว่าจะเอาไปต่อยอด สุดท้ายก็มาสายคอมพิวเอร์เลย ทำงานเป็นแอดมินดูแลระบบให้กับริษัทที่พัทยา ทำงานมา 10 ปี สุดท้ายก็ลาออกมาทำที่งานที่บ้านกลับมาอยู่กับครอบครัวด้วย ก็ยังทำงานผ่านคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม คือโปรโมทผลงานสินค้าตกแต่งภายใน

เราก็คิดว่าเราจะทำอะไรได้อีกบ้าง  ตามศีกยภาพความสามารถที่มีอยู่ ซึ่งในส่วนของการร้องเพลงมันมีโอกาสแน่นอน เพราะเราได้เรียนร้องเพลงเพิ่มเติมที่โบสถ์ และมีส่วนในงานด้านจิตอาสา การออกไปเป็นเกลือเเละแสงสว่าง ซึ่งเราก็เลือกที่จะอยู่ในกลุ่มของนักร้องนักดนตรี การแสดงอยู่แล้ว

จนกระทั้งวันนี้จากที่สังเกตไลฟ์สไตส์ของตัวเอง เป็นคนแบบไหน แล้วเมื่อก่อนจะเป็นชอบอ่านนิยาย เขียนนิยายคืออยากเป็นนักเขียน แต่สำเราคงไม่ค่อยสละสลวยนักในเรื่องของการบรรยายตามภาพที่อยู่ในจินตนาการ แต่หลายครั้งเวลาที่เรามีสตอรี่ มีเรื่องเล่าที่อยากเล่า อยากแบ่งปัน บอกเลยว่าเขียนอะไรสั้นๆไม่เป็น เลยคิดที่จะลองเขียนบล็อคดู ให้บทความเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน บทความของเราอาจจะสร้างแรงบันดาลให้กับใครหลายๆคนก็ได้

บางอาจจะต่อต้องสู้กับจุดอ่านในบางเรื่อง เช่นการชอบร้องเพลง แต่เล่นดนตรีไม่เป็น ก็ต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะสามารถไปด้วยการได้ ร้องได้เล่นดนตรีได้ ถ้าหัดเเล้วไม่เป็นหาเพื่อนค่ะ มีค่อยส่งเสริมเรา เป็นกำลังใจค่ะ






วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ทุกคนมีพรสวรรค์ คุณเชื่อหรือไหม

ถ้าให้ดิฉันเลือก ดิชั้นคงเลือกพรสวรรค์ เพราะมันมีมาตั้งเด็กๆ  ส่วนใหญเรามากจะเห็นศิลปินที่มีเสียงร้องระดับดีว่า ไม่ว่าจะเป็น แก้ม The star  น้องพินต้าร์ กวาง อลิสา และอีกมากมายในวงการบันเทิง เราคิดว่าเขามีพรสรรค์

บางคนอาจจะมีคำถาม ทำไมเราไม่มีอย่างเขาบ้าง  ถ้าวันนี้ดิฉันบอกคุณว่า คุณก็มีพรสวรรค์ เพราะเบื้องบนกำหนดให้คนมี พรสรรค์เราไม่ต้องเหมือนกัน ดูอย่างสิ่งแวดล้อม สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ถ้ามันถูกกำหนดให้เป็นสีเดียวกัน โลกเราคงดูไม่สวยงาม  คุณว่าจริงไหม สรุปว่าคุณมีพรสวรรค์ แต่บางทีมันต้องมาคู่กับพรแสวง ฉะนั้นจงเต็มที่สิ่งที่ตนเองรัก เพราะว่าคุณจะทำด้วยหัวใจของคุณ อะไรก็ตามที่สะท้อนออกมาจากหัวใจของคุณ สิ่งที่คุณทำจะมีชีวิต สิ่งที่คุณมันจะโดดเด่น

ไม่มีศิลปิน หรือคนดังคนไหนบอกกับตัวเองว่า ผม/ฉัน เก่งมาตั้งแต่เกิด ทุกคนย่อมเรียนรู้ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองเสมอ

ว้าวววคุณคงจะเริ่มเตื่นเต้นกับสิ่งที่คุณมีแล้วสิ รีบค้นหาให้เจอนะค่ะ ถ้าใครยังไม่รู้ว่าตนเองชอบอะไร ทำมันทุกอย่าง ไม่ต้องกลัวว่าเวลามันจะศูนย์เปล่า เพราะวันนึงสิ่งที่ซ่อนอยู่มันจะตกผลึกในเวลาที่เหมาะสม




วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ฉันไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ จริงหรอ

         หลายคนมักมองไม่เห็นสิ่งในตัวเองมีคุณว่าจริงไหม และหลายคนมักใช้สายตามองผู้อื่นที่มีต้นทุนที่ดีกว่าเรา คุณอาจจะคิดว่าเขาเก่งกว่าคุณ คุณอาจจะคิดว่าเขามีพื้นฐานชีวิตครอบครัวที่ดีกว่าคุณ มีเงินที่จะเรียนต่อระดับสูงๆ มีอาชีพที่ดีมีเงินเดือนสูงๆ เรียนสูงก็ทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ไม่เสมอไปหรอกค่ะ บางคนเรียนสูงแต่ไม่มีคุณภาพในการทำงาน อีอันที่จริงมันขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล อยู่ที่การเก็บเกี่ยวและความตั้งใจหรือสิ่งที่เรียนอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขารัก เพราะบางคนเรียนตามเพื่อน บางคนเรียนเพราะไม่รู้จะเรียนอะไร พ่อแม่บังคับให้เรียน ซึ้งมันก็หลายปัจจัย ฉะนั้นค่าของคนไม่ได้อยู่ที่วุฒิการศึกษา  ไม่ได้อยู่ที่การเป็นหน้าเป็นตาทางสังคม แต่อยู่ที่จริยธรรม ต้องเป็นคนที่คิดดีทำดีจิตใจดีเก่งมีความสามารถ  แต่บางคนก็มักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นจนลืมมองสิ่งที่ล่ำค่าในตัวเอง จนเป็นเหตที่ทำให้ใครต่อหลายคนพลาดที่จะฝึกฝนในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังสม

น่าเศร้า..บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองนั้นมีดีด้านใด อายุปาเข้าไป 30 แล้ว เพิ่งรู้ว่าตนเองชอบสิ่งใดก็มี คือดิฉันเอง เคยพูดกับตัวเองว่า สายไปเเล้วเรา แก่ขึ้นทุกปี งั้นปล่อยมันตามมีตามเกิด ไม่มีคำว่าสายตราบใดที่ยังคุณยังไม่หยุดพัฒนา อย่าดูถูกตัวเอง ความคิดของดิฉันถูกเปลี่ยนเมื่ิอวันนึงได้มารู้จักกับคนคริสเตียน เรามักจะชอบดูถูกตัวเอง เพียงแค่ความรู้ ไม่เก่ง ไม่ค่อยมีความสามารถ 

แต่คำถามคือเราจะพัฒนาด่านใด. คำตอบคือ ทุกสิ่งที่มีอยู่ในมือ หมายถึงความสามารถ ศักยภาพที่เราทำได้ + ความชอบ + ไลฟ์สไตส์ของเรา เอามาผนวชให้เป็นชิ้นงาน ไม่เพียงค่เกิดประโยชน์ต่อตนเอง แต่ต้องมีผลต่อชุมชนสังสมที่เราอยู่ด้วย

          แน่นอนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ ถ้าเลือกได้โลกใบนี้คงเต็มไปด้วยเศรษฐี บางคนชอบเอาเรื่องกรรมเวรมากำหนดชีวิตตนเอง เพราะ...เลือกไม่ได้ไงเลยเกิดมาจน คงเป็นกรรมของเราไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทอง ฐานะยากจน ทำให้เรียนน้อยความรู้ก็น้อย จะทำอะไรได้มากนอกจาก ค้าขาย ทำนา ทำไร่ ทำสวน  ชีวิตคุณไม่ต้องถึงขั้น ดร.ก็ประสบความสำเร็จได้ในสิ่งที่คุณจับต้อง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงหรือเวรกรรมเวร ฉะนั้นอย่าให้สิ่งเหล่านี้กำหนดชีวิตคุณเลย แต่จงอยู่เหนือสิ่งเราเหล่านี้ ที่สำคัญอย่าดูถูกตัวเอง เพราะการดูถูกตัวเองเป็นการบั่นทอนจิตใจ บั่นทอนกำลัง และความสามรถที่มีอยู่ในตัวคุณ
          
     ค่าของคนอบู่ที่ผลของงาน ฉะนั้นทุกคนล้วนแต่มีสิ่งพิเศษติดตัวมาตี้งแต่เด็ก มีอาวุธที่ดีที่พระเจ้าให้ไว้ บางคนถนัดเรื่องร้องเพลง บางคนมีทักษาด้านดนตรี บางคนถนัดการทำอหารถนัดด้านการดีไซน์ออกแบบ บางคนถนัดงานแสดง บางคนชอบด้านกีฬา

ไม่ใช่เพียงบางคนโชคดีที่ดีรู้ว่าตนเองชอบสิ่งใด แต่ทุกคนโชคดีที่มีสิ่งดีๆอยู่ในตัวเพียงแต่บางไม่ค้นหาสิ่งที่มีอยู่เท่านั่นเอง. แม้ผู้ที่ถูกเรียกขยะสังคมคนเหล่านี้ก็มีสิ่งที่ล่ำค้าติดตัวมาแต่เกิด แต่ชีวิตเขาไม่ได่เสาะแสวงหา แต่กลับใช้ชีวิตทีาเปล่าประโยชน์ และสร้างความเดือนร้อนให้กับสังคม น่าเสียดายสิ่งดีที่เขามีอยู่ แต่ถูกนำไปเก็บซ่อนไว้